วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10973
รางวัล "สตรีดีเด่น ในพระพุทธศาสนา" เชิดชูสตรีผู้กล้าแห่งกองทัพธรรม โดย เชตวัน เตือประโคน
โล่รางวัลสะท้อนแสงแวววับ กรอบประกาศเกียรติคุณสีทองอร่ามทรงคุณค่า เป็นเสมือนกำลังใจที่ทำให้ผู้ได้รับรางวัลรู้สึกสดชื่น อันเนื่องจากว่า มีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเธอทำ
ใช่! - สรรพนามบุรุษที่ 3 ใช้คำว่า "เธอ" เพราะรางวัลที่พูดถึงนี้ มีชื่อว่า "รางวัล สตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนา" โดยการสนับสนุนขององค์การยูเนสโก ซึ่งจัดงานขึ้น และมอบรางวัลเป็นประจำทุกปี เพื่อประกาศและเชิดชูคุณความดีของผู้กล้า สตรีแห่งกองทัพธรรมทั่วโลก เชิดชูเกียรติของสตรีผู้ประกอบคุณงามความดีในพระพุทธศาสนา สำหรับปี 2551 นี้ ได้มีการจัดงานและมอบรางวัลให้กับสตรีดีเด่น 20 คน จาก 7 ประเทศ ซึ่งได้มีการมอบรางวัลเชิดชูเกียรติไปแล้ว ที่สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี ในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ สำหรับรายนามของทั้ง 20 คน นั้นได้แก่ ภิกษุณีมุทิตา (เยอรมัน), ซิลเวีย เวทเซล (เยอรมัน), โนบูโกะ โอโนะ (ญี่ปุ่น), ภิกษุณี ดร.เมียง ซุงซูนิม (เกาหลีใต้), ภิกษุณีซิก เจียน เยน (จีนไทเป), ภิกษุณี เว่ย ชุน (จีนไทเป), แพทย์หญิงหลี่ หัว หยาง (จีนไทเป), ภิกษุณีเปมะ โชดรอน (อเมริกัน), ภิกษุณีเบธ เคนจิ โกลด์ริง (สหรัฐอเมริกา), ภิกษุณีแพทริเซีย ไดเอน เบนเนจ (สหรัฐอเมริกา), แจคเกอลีน เครเมอร์ (สหรัฐอเมริกา), ภิกษุณีอานันทะโพธิ (อังกฤษ) และสำหรับสตรีไทยที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้อีก 8 คน คือ ภิกษุณีศีลนันทา นักบวชผู้ถือเป็นหนึ่งในอิฐก้อนแรกๆ ที่ปูทางไปสู่การจัดตั้งสถาบันภิกษุณีในประเทศไทย ท่านตั้งมั่นในการศึกษาธรรมะ โดยในปัจจุบันกำลังศึกษาพุทธศาสนาระดับปริญญาโทอยู่ที่ lnternational Buddhist Collage จ.สงขลา สิกขมาตุผุสดี สะอาดวงศ์ ที่เป็นสิกขมาตุรูปแรกแห่งสำนักสันติอโศก ท่านไม่กินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่อายุ 13 ปี ตราบจนกระทั่งปัจจุบัน เป็นระยะเวลากว่า 70 ปีแล้ว ท่านสมาทานศีล 10 เคยบำเพ็ญตบะด้วยการอดอาหาร 14 วัน นั่งเนสัชชิ (ไม่เอาหลังแตะพื้น) 1 พรรษา และเขียนหนังสือธรรมะหลายเล่ม แม่ชีพิมพ์ใจ มณีรัตน์ เป็นผู้ก่อตั้งโครงการ "ศูนย์การศึกษาตามอัธยาศัยนานาชาติไทยภูเขา" เพื่อช่วยเด็กชาวไทยภูเขาที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา ให้มีโอกาสได้เรียนหนังสือขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีโอกาสพัฒนาตนเองไปสู่การศึกษาขั้นสูงต่อไป โดยท่านเชื่อว่า "ความรู้คืออำนาจ ความรู้คือโอกาส" แม่ชีวารี ชื้อทัศนะประสิทธิ์ ออกบวชในพุทธศาสนามาเป็นเวลากว่า 40 ปี ท่านทำหน้าที่เป็นครูฝึกแม่ชีไทยให้ออกไปเป็นครูสอนธรรมะและครูสอนวิชาทั่วไป จนถึงปัจจุบันมีลูกศิษย์มากมายหลายรุ่นท่านพำนักอยู่ที่วิทยาลัยจิตตภาวัน จ.ชลบุรี และดำรงตำแหน่งเลขานุการของสถาบันแม่ชีไทย แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์มานานกว่า 20 ปี
เตือนใจ กุญชร ณ อยุธยา ดีเทศน์ เป็นนักพัฒนา นักเขียนที่สนใจความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและมนุษย์กับมนุษย์ ได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ.2539 และรางวัลคนดีศรีสังคมสาขางานสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2534 เธอเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติและชาวไทยภูเขาหลายเล่ม อังกูร วงศ์เจริญ พยาบาลวิชาชีพ ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ประสบภัยพิบัติทางภาคใต้ของไทยตามหลัก "โพธิสัตวธรรม" ในพุทธศาสนามหายานแบบจีน โดยประสานงานกับสภากาชาดไทยในเหตุภัยพิบัติสึนามิ และเป็นผู้ริเริ่มโครงการลดความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติตามชุมชนชายฝั่งและหมู่เกาะเต่า อรสม สุทธิสาคร เป็นนักเขียนอิสระที่เขียนสารคดีสะท้อนปัญหาสังคมไทยที่เกี่ยวกับเด็ก ผู้หญิง ครอบครัว ความรุนแรง และผู้อยู่ในมุมมืดมานานกว่า 20 ปี โดยเชื่อว่าการสะท้อนความจริงของชีวิตจะทำให้เรารู้จักคุณค่าของชีวิตและตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท เธอเขียนหนังสือกว่า 30 เล่ม เช่น สนิมดอกไม้ เด็กพันธุ์ใหม่วัยเอ็กซ์ เป็นต้น รางวัลสตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนานี้ มีทั้ง นักบวช และ อุบาสิกา หลายคนอาจสงสัย ทางพระพุทธศาสนานั้นแตกต่างกันอย่างไร ระหว่าง ภิกษุณี แม่ชี และ สิกขมาตุ "ภิกษุณี" เป็นคำใช้เรียกนักบวชหญิงในพระพุทธศาสนา คู่กับคำว่า ภิกษุ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกนักบวชชาย สำหรับ "แม่ชี" เป็นเพียงอุบาสิกา หรือพุทธศาสนิกชนเพศหญิง ที่ถือศีล 8 ข้อ อย่างชาวพุทธที่เคร่งครัด และ "สิกขมาตุ" หมายถึง นักศึกษาหรือนักบวชฝ่ายหญิงที่ใช้เรียกในกลุ่มชาวอโศก หรือที่รู้จักกันในนาม สันติอโศก มีโอกาสได้คุยกับผู้ได้รับรางวัลนี้บางคน ถามถึงบทบาทของสตรีในปัจจุบัน ตลอดจนการทำงานของแต่ละคน เรื่องราวคำบอกเล่าที่ได้รับฟังนั้นน่าสนใจ.. ภิกษุณีศีลนันทา บอกว่า เรื่องของรางวัลที่ได้รับนั้นภูมิใจ แต่สิ่งที่สำคัญคือ รู้สึกดีที่ได้ทำดีแล้วมีประชาชนโลกได้รับรู้ เผยแพร่สิ่งที่ทำให้คนอื่นได้ดำเนินเป็นแบบอย่าง สานต่อความดีนั้นต่อไป เพราะเท่าที่สังเกต ทุกวันนี้ เรื่องร้ายๆ มักเป็นข่าว เรื่องดีๆ มักไม่ค่อยเป็น "อาตมาเป็นคนตัวเล็กๆ แต่อาจเป็นเพราะผู้ใหญ่หลายท่าน เห็นว่าเราตั้งใจจริง มีความจริงใจในการช่วยเหลือสังฆะ (สงฆ์) ตัวอย่าง เช่น ได้ช่วยเหลือสามเณรีท่านหนึ่งที่เพิ่งบวชใหม่ ที่ไม่รู้หันหน้าไปฝั่งไหน ชีวิตเกิดปัญหา เราก็ได้เข้าไปช่วยเหลือ สามเณรีรูปนั้นเป็นชาวอาเจนตินา และไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับทางประเทศมาเลเซีย จึงเกิดเป็นมิตรสัมพันธ์กันกว้างไกล" ภิกษุณีศีลนันทา กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดังคำประกาศเกียรติคุณของคณะกรรมการที่ตัดสินรางวัล ภิกษุณีศีลนันทา เป็นนักบวชหญิงท่านแรกๆ ที่พยายามผลักดันให้เกิดการจัดตั้งสถาบันภิกษุณีในประเทศไทย โดยท่านมองถึงผลที่จะได้รับว่า หากสตรีคนใดเกิดปัญหา ก็จะได้เข้ามาหาและปรึกษาภิกษุณี เพราะเรื่องลึกซึ้งบางเรื่องพูดกับพระเพศตรงข้ามลำบาก ก็มาพูดกับพระฝ่ายหญิง ซึ่งก็ไม่ได้พูดหรือให้คำปรึกษาแต่เรื่องทางโลก จะพยายามดึงให้เข้ามาสู่การปฏิบัติธรรม แม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่ภิกษุณีท่านนี้คิดว่าจะสามารถช่วยพัฒนาสังคมได้อย่างแน่นอน
เป็นบทบาทของพระฝ่ายหญิงที่สำคัญ "สิ่งที่อาตมาอยากเห็น คือ พระทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหญิงหรือชายก็ตาม เกิดการปฏิบัติ เข้าใจจิตใจของตัวเอง ซึ่งจะทำให้รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร ผู้อื่นก็ไม่ต่างไปจากนั้น ใครที่เป็นทุกข์ก็เข้ามาปฏิบัติธรรม ฝึกเผยแพร่ ทั้งทางจิต และทางโลก อนาคตอยากเห็นพระชายและพระหญิงปรองดองกัน ประสานกัน ดำเนินไปบนทางหลุดพ้นแห่งความพุทธ พร้อมกับช่วยเหลือคนด้วย พ้องกับความเป็นพุทธบริษัททั้งสี่" ภิกษุศีลนันทากล่าว พร้อมกับวิเคราะห์บทบาทของสตรีในปัจจุบันว่า... "บทบาทสตรี จริงๆ แล้ว พบว่าพระฝ่ายหญิงทำงานดีๆ มากมาย และก็ทำมานานแล้ว แต่บ้านเรายังไม่ยอมรับ บอกว่าผู้หญิงบวชไม่ได้ เพราะการบวชภิกษุณีต้องมีภิกษุณีมาบวชให้ ซึ่งในประเทศไทยตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีภิกษุณีอยู่แล้ว ในปัจจุบันมีภิกษุณีในเมืองไทย 6-7 รูปเท่านั้น ซึ่งบวชมาจากต่างประเทศ แต่มองสถานการณ์นี้กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ" ทางฟากฝั่งของฆราวาสที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้... แม้จะยังถ่อมตนอยู่ว่า ยังทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาน้อย ไม่เหมาะกับรางวัล แต่หากมองลึกลงไปแล้ว จะพบว่า "เตือนใจ กุญชร ณ อยุธยา ดีเทศน์" นั้น พยายามสนับสนุนเรื่องของสถานภาพภิกษุณี มาโดยตลอด ในสมัยที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตือนใจ พยายามเสนอร่างพระราชบัญญัติ ส่งเสริมสถานภาพของนักบวชสตรี เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และรัดกุม พิจารณากันในอนุกรรมาธิการกิจการสตรีแล้ว และจะเสนอต่อ ชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรี ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทน (ส.ส.) หญิง และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หญิง บางส่วน กฎหมายนี้มีขึ้นเพื่อให้รัฐได้คุ้มครอง และส่งเสริม สถานภาพนักบวชหญิง "เพราะว่าในยุคนี้ ผู้หญิงค่อนข้างเป็นเหยื่อสังคมมาก ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในครอบครัว สังคม การเป็นเหยื่อของบริโภคนิยม วัตถุนิยม โลกาภิวัตน์ การปฏิบัติธรรม ผู้หญิง 80 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าใส่ใจธรรมะ ให้ธรรมะเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าเป็นหลักศาสนาใด แต่ว่า โอกาสศึกษาเป็นผู้เผยแพร่ธรรมะน้อยไป ดีใจที่มีภิกษุณี ในพระพุทธศาสนาในหลายประเทศ" เตือนใจกล่าว ปัจจุบันผู้หญิงมีบทบาทในภาคส่วนต่างๆ ของสังคมมากขึ้น ผู้หญิงทั่วโลกมีการรวมตัวกัน เรียกร้องเกิดความเสมอภาค แต่พุทธศาสนามองไปไกลกว่าความเสมอภาคของความเป็นหญิงเป็นชาย นั่นคือเรื่อง การบรรลุธรรม เข้าถึงธรรม ปฏิบัติธรรม และเผยแพร่ธรรม "การมอบรางวัล สตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นรางวัลระดับโลก จะทำให้คนทั้งโลกเข้าใจ ว่าศาสนาไม่ใช่สิ่งมอมเมา แต่ศาสนาคือแก่นของธรรมะ น่ายินดีที่ผู้หญิงทั่วโลกมองเห็นว่า แก่นธรรมของพระพุทธศาสนา ทำให้มนุษย์ชีวิตดำเนินไปอย่างมีหลัก คือ หลักที่ไม่ไปตามกระแส.. ...อย่างน้อยที่สุด หลักไตรสิกขา อย่าง 1.ทาน คือ การให้อย่างสละตัวตน ให้ความรู้ ให้ธรรมะ ให้อภัย 2.ศีล.การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทำให้ชีวิตผู้คนอยู่ร่วมกันในสังคมได้ไม่เบียดเบียนกัน และ 3.ภาวนา การเจริญสติ เจริญปัญญา จะทำให้เรามองโลกอย่างที่เป็นจริง ไม่ใช่มองโลกอย่างสมมติบัญญัติ แต่ต้องมองอย่าง ปรมัตถ์ คือมองอย่างหลุดพ้น ถึงแก่นธรรม คือความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีตัวตน" อดีตสมาชิก สนช.กล่าว โดยเธอมีความคาดหวังว่า หากได้กลับมาอยู่ในแวดวงการเมืองอีกครั้ง อยากทำให้ รัฐสภา ตลอดจนศาลต่างๆ มีความเป็น สัตบุรุษ คือ มีความซื่อสัตย์ เข้าถึงธรรมะ ทางด้าน อรสม สุทธิสาคร นักเขียนสารคดีอิสระ ผู้มีผลงานเกี่ยวกับผู้หญิงมากมาย เปิดเผยความรู้สึกว่า... "เป็นรางวัลแรกในการทำงาน สารคดีกว่า 20 ปี ทั้งยังได้จากแวดวงอื่นที่ไม่ใช่แวดวงวรรณกรรม" เธอกล่าวกลั้วหัวเราะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่หลุดลอยจากหลักการในการพิจารณารางวัลของคณะกรรมการ เพราะงานสารคดีของนักเขียนหญิงผู้นี้ สะท้อน สัจจะของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้หญิง เด็ก ความรุนแรง เป็นเรื่องในมุมมืดของสังคม ที่เธอฉายผ่านงานเขียนให้เห็นทางสว่างของชีวิต ให้ความหวังแก่ผู้หมดหวัง จุดไฟพลังให้ผู้มีความทุกข์หยัดยืนลุกขึ้นสู้ต่อ อรสมบอกว่า ปัจจุบัน มีผู้หญิงที่มีความทุกข์อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่เฉพาะเรื่องเงินทอง บางคนมีฐานะดี การศึกษาดี ก็ยังประสบความทุกข์ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว เรื่องความรัก จากประสบการณ์ในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลจริง สิ่งที่สามารถช่วยดับทุกข์เหล่านั้นได้ คือการมีธรรมะกำกับ จะช่วยให้รับมือกับปัญหา หรือความทุกข์ที่จะเกิดได้ดีขึ้น "บทบาทสตรี ทุกวันนี้มีการพูดถึงเยอะ มีการเรียกร้องสิทธิในหลายๆ เรื่อง เชื่อว่า สังคมไทยเปิดกว้างมากขึ้น แต่ด้วยสถานะความเป็นผู้หญิง การที่จะได้รับการยอมรับ คงต้องพิสูจน์ตัวเองหนักกว่าผู้ชาย ด้วยการทำงานหนักขึ้น ทุ่มเทมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีเป้าหมายชีวิตชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ รู้ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต จะทำให้เราก้าวเดิน ไปสู่จุดหมายง่ายกว่าคนที่ไม่รู้จักเป้าหมายของตัวเอง" นักเขียนสารคดีหญิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากมองในเรื่องสิทธิพื้นฐานของทุกผู้ทุกคน สิทธิอย่างการที่จะมีความสุข และการที่จะไม่ทุกข์เป็นเรื่องที่ทุกคนเท่าเทียม เช่นเดียวกับเรื่องการปฏิบัติธรรม การประกอบคุณงามความดี ก็ไม่ได้จำเพาะเจาะจงไว้ที่บุรุษเพศเท่านั้น หากแต่สตรีเพศ ก็สามารถที่จะเข้าถึง สร้างคุณประโยชน์ ให้พระพุทธศาสนา ให้สังคม ให้ประเทศ ให้โลกใบนี้สงบสุขได้เช่นกัน จากหนังสือพิมพ์ มติชน หน้า 20 |
สัมมนา "พลังขับเคลื่อนคุณธรรมสู่สังคม กับ สตรีไทยในพระพุทธศาสนา"
วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
outstanding women in buddism awards รางวัลสตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น